"ภาวะโลกร้อน"ส่งผลต่อทุเรียนอย่างไร
"ภาวะโลกร้อน"ส่งผลต่อทุเรียนอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อทุเรียนอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อการปลูกทุเรียนหลายด้านตั้งแต่ช่วงการเจริญเติบโตจนกระทั่งเก็บเกี่ยว ผลกระทบเหล่านี้มีมากมายตั้งแต่รูปแบบการเก็บเกี่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปจนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อศัตรูพืชและโรคพืชผลที่ตามมานี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อวงจรการเก็บเกี่ยวทุเรียนแบบเดิมทำให้ฤดูกาลออกผลไม่แน่นอน และส่งผลต่อผลผลิตโดยรวม ซึ่งส่งผลทำให้ปริมาณผลผลิตและความต้องการผันผวน ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนและความพร้อมของผลไม้ในตลาด
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังสร้างสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการแพร่ระบาดของโรคพืชและแมลงศัตรูพืช ซึ่งเป็นภัยคุกคามรุนแรงต่อสวนทุเรียน และเกษตรกรจำเป็นต้องใช้วิธีการจัดการศัตรูพืชแบบใหม่ยิ่งไปกว่านั้น ความจำเป็นสำหรับเทคนิคการเกษตรกรรมที่ปรับตัวได้นั้น กลายมาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เนื่องจากเกษตรกรพยายามลดผลกระทบเชิงลบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อการปลูกทุเรียน ซึ่งรวมถึงการนำแนวทางการเกษตรแบบยั่งยืนมาใช้ เช่น การอนุรักษ์น้ำ การจัดการดิน และการปลูกพืชแบบผสมผสาน เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงต่อฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียน
ฝนฟ้าไม่แน่นอน อุณหภูมิไม่คงที่
ทำให้ช่วงเวลาการออกดอกติดผลของทุเรียนเปลี่ยนไป ส่งผลต่อทั้งปริมาณและคุณภาพของผลผลิต
ออกดอกไม่แน่นอน
ทุเรียนอาศัยสัญญาณจากสภาพแวดล้อมในการออกดอก เมื่อสัญญาณเหล่านี้แปรปรวน ช่วงเวลาการออกดอกก็ไม่แน่นอน ส่งผลต่อผลผลิตโดยรวม
เกษตรกรวางแผนการเก็บเกี่ยวลำบาก
คุณภาพผลผลิตลดลง
อากาศร้อนจัดและสภาพอากาศที่ไม่ดีต่อพืช ส่งผลต่อระยะเวลาและคุณภาพการพัฒนาของผลทุเรียน ไม่เพียงแต่ปริมาณ
ผลผลิตที่ลดลง แต่รสชาติ เนื้อสัมผัสและมูลค่าของผลทุเรียนก็ลดลงด้วย
ภัยคุกคามจากศัตรูพืชและโรคทุเรียน
สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบต่อทุเรียน ไม่เพียงแค่ฤดูกาลเก็บเกี่ยว แต่ยังส่งเสริมการระบาดของแมลงศัตรูพืชและโรคพืชด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เป็นสภาวะเหมาะสมต่อการแพร่ระบาดของศัตรูพืช นอกจากนี้ สภาพอากาศที่
เปลี่ยนแปลงยังทำให้ต้นทุเรียนอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเกิดโรคและแมลงรบกวนได้ง่าย
แมลงศัตรูพืช : อากาศเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ศัตรูพืชอย่าง "หนอนเจาะผลทุเรียน"และ "แมลงวันทอง" เพิ่มมากขึ้น ศัตรูพืชเหล่านี้สร้างความเสียหายต่อผลทุเรียนลดผลผลิตและคุณภาพ
โรคทุเรียน : สภาพอากาศร้อนชื้น เหมาะแก่การแพร่ระบาดของเชื้อรา แบคทีเรียและไวรัส ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและผลผลิตของทุเรียน ฝนตกหนักและอากาศชื้นเป็นเวลานาน ยิ่งเอื้อต่อการเกิดโรคเหล่านี้
เทคนิคการปรับตัวของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน
สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อการปลูกทุเรียน เกษตรกรจึงหันมาใช้เทคนิคการปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้เกษตรกรยังคงปลูกทุเรียนต่อไปได้ แม้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง
ระบบเกษตรผสมผสาน
การปลูกทุเรียนร่วมกับพืชชนิดอื่น วิธีนี้ช่วยให้ระบบการเกษตรมีความหลากหลาย ยืดหยุ่นและช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินระบบนิเวศน์ทางการเกษตรที่สมดุล จะช่วยให้เกษตรกรรับมือกับความไม่แน่นอนของสภาพอากาศได้ดีขึ้น
เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ
การใช้ข้อมูลและเครื่องมือที่ทันสมัย ช่วยให้เกษตรกรบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดตามสุขภาพของต้นทุเรียนและเพิ่มผลผลิต เทคนิคเหล่านี้อาจเป็นการให้น้ำอย่างแม่นยำ หรือการใส่ปุ๋ยตามความต้องการของต้นทุเรียน ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
พัฒนาพันธุ์ทุเรียนทนสภาพอากาศ
นักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาพันธุ์ทุเรียนที่ทนทานต่อสภาพอากาศแปรปรวน ทนทานน้ำน้อย และทนโรค วิธีนี้จะช่วยรักษาผลผลิตและความหลากหลายทางพันธุกรรมของทุเรียน
การเกษตรยั่งยืน
การลดการใช้สารเคมี หันมาใช้สารชีวภัณฑ์ในการกำจัดศัตรูพืช วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคพืชและแมลงศัตรูพืชที่เกิดจากสภาพอากาศ ส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของผู้บริโภค
รู้หรือไม่?
01
การเพิ่มขึ้นของเชื้อราที่ดื้อสารเคมีกำจัดเชื้อรา ก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุนแรงสำหรับเกษตรกร การเกิดขึ้นของเชื้อดื้อสารเคมีกำจัดเชื้อรา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลยุทธ์การควบคุมโรคพืชมีประสิทธิภาพลดลง ค่าใช้จ่ายด้านสารเคมีกำจัดเชื้อราก็เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเกษตรกรจำนวนน้อยที่รู้ว่ามีเชื้อดื้อสารเคมีกำจัดเชื้อราอยู่ ซึ่งหมายความว่าเกษตรกรยังคงใช้สารเคมีกำจัดเชื้อราชนิดเดิม นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตพืชยังเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเกษตรกรต้องใช้สารเคมีกำจัดเชื้อราในปริมาณที่สูงกว่าเดิมและบ่อยครั้งกว่าเดิม ผลข้างเคียงของสารเคมีกำจัดเชื้อราอาจมาพร้อมกับความเสี่ยงเช่น อันตรายร้ายแรงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
02
ชาวสวนส่วนใหญ่ไม่ใส่ชุดป้องกันอะไรมากไปกว่าหน้ากากอนามัยหรือผ้าคลุมศีรษะ ในการพ่นสารเคมี เนื่องจากเกษตรกรหลายคนอธิบายว่า การสวมใส่ชุดป้องกันที่เหมาะสมนั้น “ร้อนเกินไป” และคนที่ได้รับความรู้เพียงพอเท่านั้น ที่จะรู้ถึงอันตรายทั้งหมดของสารเคมีกำจัดแมลง ในปัจจุบัน มีผู้ป่วยโรคมะเร็งพบได้ทั่วไปแถมหลายคนยังมีอาการเจ็บป่วยที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น รอยแผลไหม้จากสารเคมี ผื่น หรือเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง ที่แย่กว่านั้นคือ พ่อค้าแม่ค้ามักใช้สารเคมีเร่งให้ผลไม้สุกเร็วขึ้น สารเคมีชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กันมากคือ แคลเซียมคาร์ไบด์ ซึ่งเป็นสารเคมีอุตสาหกรรมอันตราย ซึ่งจะผลิตสารประกอบฟอสฟีน(phosphine) และอาร์ซีน (arsine) ซึ่งมีพิษร้ายแรง นำไปสู่อาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย รู้สึกแสบร้อน และชาที่ปาก ปวดหัว และเวียนหัวเป็นต้น
เรียบเรียงข้อมูลโดยฝ่ายวิชาการ : บริษัท ทีเอบี อินโนเวชั่น จำกัด
stock-photos/canva "ใช้งานด้านบทความ"
24 มิถุนายน 2567
ผู้ชม 589 ครั้ง