การจัดการโรคและแมลงศัตรูพืชในพริก
การจัดการโรคและแมลงศัตรูพืชในพริก
การจัดการโรคและแมลงศัตรูพืชในพริก
พริก เป็นพืชที่คนสนใจปลูกเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งปลูกเป็นผักสวนครัวติดบ้าน และปลูกเพื่อเป็นอาชีพ คนไทยนิยมบริโภคพริกทั้งในรูปพริกสด พริกแห้ง พริกป่น นำมาผลิตเป็นเครื่องแกงสำเร็จรูป จำหน่ายในประเทศและส่งออก ซึ่งการผลิตเพื่อให้ได้คุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด การจัดการระบบปลูกและป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชจึงมีความสำคัญ
การเตรียมดิน
โดยไถพลิกหน้าดิน 15 เซนติเมตร ตากดินทิ้ง 5-7 วันไถพรวน 1 ครั้ง ใช้จัสเตอร์ ปรับค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน(pH) อยู่ในช่วง 6.0-6.8 และใช้ไตรแท๊บ 1 กิโลกรัมผสมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก 100-200 กิโลกรัม หว่านให้ทั่วแปลง เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ลดการสะสมของเชื้อโรคพืช
การเพาะเมล็ดพันธุ์
การเพาะเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูกโดยแช่น้ำ หรือแช่น้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที
- เพาะกล้าในถาดเพาะ ผสมไตร-แท๊บ อัตรา 1 กิโลกรัมต่อวัสดุปลูก 100-500 กิโลกรัม หรือพ่นหรือราดด้วยไตร-แท๊บ อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
การปลูก
การปลูกแบบไม่ยกแปลง เหมาะกับแปลงที่ระบายน้ำดี โครงสร้างดินเป็นดินร่วน
การปลูกแบบยกแปลง เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ระดับน้ำใต้ดินสูง โครงสร้างดินเป็นเหนียว ระบายน้ำยาก
- หลังย้ายกล้า 10 วัน พ่นไตรแท๊บ อัตรา 100 กรัม ร่วม บาซิทัส อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ลงดินทุก 7-10 วัน
- ระยะเจริญเติบโต-เก็บเกี่ยว
พ่นชีวภัณฑ์ป้องกันโรคบนต้นเจนแบค อัตรา 100 กรัม เบนดิกซ์ 3-5 ซีซีและ จัสเตอร์ 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก 7-10 วัน พ่นไซเบ็ค 1016 อัตรา 25 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก 10 วัน
กรณีเริ่มพบการเกิดโรคเหี่ยวเขียว ให้รีบน้ำต้นที่แสดงอาการโรคออกจากแปลงทันทีและเผาทำลาย เพื่อลดการระบาดในแปลง และปรับวิธีการให้น้ำ ไม่ควรให้น้ำแบบไหลตามตามร่อง เพราะเชื้อโรคพืชสามารถแพร่กระจายไปกับน้ำได้ แล้วฉีดพ่นด้วย บาซิทัส+เจนแบค+จัสเตอร์ อัตรา 50+100 กรัม +100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ลงดินบริเวณที่เกิดโรคเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
โรคที่สำคัญในพริกที่เกิดกับระบบราก
โรครากเน่าและโคนเน่า
เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Sclerotium rolfsii Sacc.
อาการ : ต้นพริกจะแสดงอาการใบเหลืองและร่วง ต่อมาต้นพริกจะเหี่ยวยืนต้นตาย บริเวณ โคนต้นเห็นเส้นใยสีขาวและเม็ดสเคลอโรเทียสีขาว ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ ลักษณะคล้ายเมล็ดผักกาดซึ่งจะสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้เป็นเวลานาน
โรคเหี่ยวเหลือง
เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Fusarium sp.
อาการ : ต้นพริกมีอาการใบเหลืองเริ่มจากด้านล่าง และลุกลามขึ้นด้านบน ระบบรากถูกทำลาย เมื่อตัดขวางลำต้นพบท่อลำเลียงเป็นสีน้ำตาลดำ
โรคเหี่ยวเขียว
เชื้อสาเหตุ :เชื้อแบคทีเรีย Ralstonia solanacearum.
อาการ : ต้นพริกแสดงอาการเหี่ยวเฉา ใบลู่ลงในช่วงเวลาแดดจัด และฟื้นกลับมาในช่วงค่ำ อาการรุนแรงมากพริกจะยืนต้นตาย
โรคที่สำคัญในพริกที่เกิดบนลำต้น
โรคแอนแทรกโนส หรือ กุ้งแห้ง
เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Colletotrichum spp
อาการ : อาการของโรคจะเห็นได้ชัดเจนในระยะที่ผลพริกแก่เริ่มสุก ที่ผลพริกจะเกิดรอยช้ำแล้วขยายเป็นแผลสีน้ำตาลรูปร่างกลมรี ขนาดใหญ่ เนื้อเยื่อบริเวณแผลยุบตัวลงไปเป็นแอ่งเห็นเป็นวงเรียงซ้อนกันอยู่ในบริเวณแผลจนเต็มความกว้างของผลพริก อาจมีเพียงแผลเดียวหรือหลายแผลก็ได้ ต่อมาแผลเหล่านี้จะแห้งเป็นสีน้ำตาลหรือดำ ทำให้เกิดอาการคดโค้งงอ หรือบิดเบี้ยวลักษณะคล้ายกุ้งแห้งทำให้มีชื่อเรียกดังกล่าว ส่วนอาการบนใบยอดอ่อน และกิ่งจะเกิดโรคต่อเมื่อสิ่งแวดล้อมเหมาะสม โรคนี้ถ้าเกิดกับต้นกล้าจะทำให้ต้นกล้าแห้งตาย ทำให้ใบร่วงและเกิดอาการแห้งตายจากปลายยอดเข้ามา
โรคใบจุดตากบ
เชื้อสาเหตุ :เชื้อรา Cercospora capsici.
อาการ : พบแผลลักษณะกลม มีจุดสีขาวเทาตรงกลางแผลคล้ายตากบ ขอบแผลสีน้ำตาลเข้มและรอบๆแผลมีสีเหลือง พบที่ใบล่างก่อน และลุกลามขึ้นสู่ใบด้านบน ถ้ามีการระบาดรุนแรงใบพริกจะร่วงทำให้ต้นพริกชะงักการเจริญเติบโต ระบาดมากในสภาพอากาศร้อน
โรคใบด่าง กำจัดแมลงพาหะ
เชื้อสาเหตุโรค : เชื้อไวรัส Cucumber mosaic virus (CMV)
ลักษณะอาการ : ต้นพริกเตี้ยแคระแกร็น ใบมีอาการด่างสีเขียวเข้มสลับสีเขียวอ่อน บิดเบี้ยว ผิดรูปร่างและลดขนาดเรียวเล็กลง อาจพบจุดแผลตายเฉพาะแห่งสีน้ำตาลบนใบ ดอกหลุดร่วงง่าย ผลมีผิวขรุขระ ขนาดเล็กลงและอาจพบอาการด่างบนผลพริก
การป้องกันกำจัด
- ปลูกพริกพันธุ์ต้านทานโรค ไม่ควรใช้เมล็ดพันธุ์จากแปลงที่เป็นโรค เนื่องจากไวรัสสามารถถ่ายทอดผ่านทางเมล็ดพันธุ์ได้
- กำจัดวัชพืชในแปลงปลูก เพื่อลดแหล่งอาศัยของแมลงพาหะ
- หลีกเลี่ยงการปลูกพืชที่เป็นพืชอาศัยของไวรัส เช่น แตงกวา มะเขือ ยาสูบ บวบ
- สำรวจแปลงพริก อย่างสม่ำเสมอ หากพบแมลงให้รีบป้องกันกำจัดทันที การป้องกันโรคไวรัสในพริกยังไม่สามารถทำได้โดยตรง แต่สามารถควบคุมการระบาดแมลงได้ โดยการป้องกันและกำจัดแมลงพาหะ เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว ไรขาว
แมลงศัตรูพืชที่สำคัญ
เพลี้ยไฟ : ส่วนใหญ่เข้าทำลายบริเวณยอด และใบอ่อน ขอบใบม้วนขึ้น ทำให้ยอดหรือใบอ่อนหงิก เมื่อใบพริกแก่จะเห็นเป็นรอยกร้านสีน้ำตาล ส่งผลให้การสังเคราะห์แสงลดลง พริกจะชะงักการเจริญเติบโต ให้ผลผลิตน้อยลง และมีช่วงอายุการเก็บเกี่ยวผลผลิตสั้น หากเพลี้ยไฟระบาดในระยะที่พริกออกดอก จะทำให้ดอกพริกหลุดร่วง ถ้าระบาดในระยะติดผล พริกจะมีลักษณะบิดงอ แคระแกร็น และมีคุณภาพต่ำ
ไรขาว : พริกที่ถูกไรดูดทำลายจะมีอาการใบหงิก ขอบใบม้วนลง ยอดอ่อนแตกเป็นฝอย ก้านใบยืดออก ใบเรียวเล็กใต้ใบเป็นสีน้ำตาล ระบาดรุนแรงอาการใบหงิกนี้จะค่อยๆ ลุกลามจากยอด และใบอ่อนลงมายังใบล่างๆ ทำให้พริกชะงักการเจริญเติบโต แคระแกรนไม่ติดผล
เพลี้ยอ่อน : ตัวอ่อนมีสีเหลืองและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียว ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและยอดอ่อนพริก ซึ่งทำให้พริกมีอาการผิดปกติและเกิดโรคในพริกได้ นั่นคือโรคใบด่างประพริก และใบด่างพริก
แมลงหวี่ขาว : ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ส่วนมากทางด้านใต้ใบ ตัวอ่อนวัยแรกมีสีเหลืองเคลื่อนที่ได้ดี แต่วัยถัดมาตัวจับติดอยู่ใต้ใบลักษณะกลมๆ เป็นแมลงพาหะนำเชื้อไวรัสมาสู่ต้นพริกได้อีกด้วย นั่นก็คือโรคใบหงิกเหลือง
แนวทางการป้องกันแมลงศัตรูในพริก
- ปลูกพริกพันธุ์ต้านทานโรค ไม่ควรใช้เมล็ดพันธุ์จากแปลงที่เป็นโรค เนื่องจากไวรัสสามารถถ่ายทอดผ่านทางเมล็ดพันธุ์ได้
- กำจัดวัชพืชในแปลงปลูก เพื่อลดแหล่งอาศัยของแมลงพาหะ
- หลีกเลี่ยงการปลูกพืชที่เป็นพืชอาศัยของไวรัส เช่น แตงกวา มะเขือ ยาสูบ บวบ
- สำรวจแปลงพริก อย่างสม่ำเสมอ หากพบแมลงให้รีบป้องกันกำจัดทันที การป้องกันโรคไวรัสในพริกยังไม่สามารถทำได้โดยตรง แต่สามารถควบคุมการระบาดแมลงได้
- การป้องกันและกำจัดแมลงพาหะ
- เพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว ใช้ บิว-เวอร์ อัตรา 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ร่วมกับสารจับใบเบนดิกซ์ ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน
- เพลี้ยไฟ ใช้ เมตาไลต์ อัตรา 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ร่วมกับสารจับใบมูฟเอ็กซ์ อัตรา 3 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน
- ไรขาว ใช้ เมตาไลต์ อัตรา 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ร่วมกับสารจับใบไซล็อค อัตรา 3 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน
เรียบเรียงโดย : ชุลีพร ใจบุญ
อ้างอิง :
สำนักงานปลัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ https://www.opsmoac.go.th
กรมวิชาการเกษตร https://www.doa.go.th
กรมวิชาการเกษตร http://microorganism.expertdoa.com
พิสุทธิ์ เอกอำนวย. (2563). โรคและแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ. สายธุรกิจโรงพิมพ์
09 สิงหาคม 2567
ผู้ชม 3105 ครั้ง