โรคกรีนนิ่งและอาการขาดธาตุสังกะสีในส้ม
โรคกรีนนิ่งและอาการขาดธาตุสังกะสีในส้ม
โรคกรีนนิ่งและอาการขาดธาตุสังกะสีในส้ม
ส้มที่เป็นโรคกรีนนิ่ง และส้มที่ขาดธาตุสังกะสีจะแสดงลักษณะอาการผิดปกติหลายอย่างที่คล้ายกัน จนทำให้เกษตรกรเกิดความสับสนเมื่อพบอาการที่เกิดขึ้นในแปลงปลูกและอาจตัดสินใจผิดพลาดในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ธาตุอาหาร และแมลง จึงควรทราบลักษณะอาการของโรคกรีนนิ่ง และการขาดธาตุสังกะสี เพื่อให้แน่ใจว่าวิธีการที่ใช้แก้ไขนั้นสามารถรักษาอาการของต้นพืชได้จริงๆ
โรคกรีนนิง (Citrus greening) เกิดจากเชื้อ Candidatus Liberibacter asiatucus เป็นโรคที่สำคัญในพืชตระกูลส้มโดยเฉพาะในกลุ่มส้มเปลือกล่อน (mandarin) กลุ่มส้มติดเปลือก (sweet orange) รวมทั้งส้มโอ (pomelo) (Citrus maxima) และกลุ่มมะนาว (small acid lime) (Citrus aurantifolia) ต้นพืชที่เป็นโรคกรีนนิ่ง จะแสดงอาการทรุดโทรม ใบมีขนาดเล็กลง ใบเรียว ชี้ตั้ง ใบซีดเหลืองลักษณะ คล้ายอาการขาดธาตุสังกะสี กิ่งแห้งตายจากส่วนยอด ผลผลิตลดลง คุณภาพผลผลิตต่ำ และผลมักจะร่วงก่อน อายุเก็บเกี่ยว ต้นส้มจะแสดงอาการใบเหลืองและอาการทรุดโทรมและตายเพียงในระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี หลังจากเริ่มแสดงอาการ ซึ่งมีเพลี้ยไก่แจ้ส้มส้ม เป็นพาหะนำโรค
สำหรับธาตุสังกะสี เป็นจุลธาตุที่ไม้ผลส่วนใหญ่มักจะแสดงอาการขาดมากกว่าธาตุชนิดอื่น โดยทั่วไปจะพบในดินที่เป็นด่างเนื่องจากจะทำให้สังกะสีละลายออกมาได้น้อย ในดินกรดที่มีลักษณะหยาบอินทรียวัตถุน้อย ก็สามารถเกิดการขาดธาตุสังกะสีได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นดินที่มีการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสสูงจะทำปฏิกิริยากับสังกะสี ส่งผลให้พืชไม่สามารถดูดสังกะสีจากดินไปใช้ได้ ส้มที่ขาดสังกะสีจะแสดงอาการบนใบที่แตกใหม่ โดยจะมีลักษณะด่างเหลืองอย่างชัดเจนขึ้นระหว่างเส้นใบ ทำให้เกิดลักษณะด่างสีเขียวอ่อนหรือเหลืองบนพื้นใบสีเขียวเข้ม กรณีที่ขาดสังกะสีอย่างรุนแรงใบที่เกิดใหม่จะแตกยอดเป็นพุ่มและชี้ตั้ง ใบร่วงและกิ่งแห้งตายจากยอด
โดยจะมีความแตกต่างกันคืออาการของโรคกรีนนิ่งใบจะมีปื้นสีเหลืองกระจายทั้งสองฝั่งของใบไม่เหมือนกัน แต่ถ้าพืชขาดธาตุสังกะสีลักษณะอาการที่เกิดขึ้นทั้งสองฝั่งของใบพืชจะเหมือนกัน
แนวทางการป้องกัน
โรคกรีนนิ่ง
- ใช้ต้นพันธุ์หรือกิ่งพันธุ์ ที่ปลอดโรค
- การควบคุมเพลี้ยไก้แจ้ส้มสายพันธุ์เอเชีย (Diaphorina citri) ซึ่งเป็นแมลงพาหะ โดยใช้ บิว-เวอร์ หรือเชื้อราบิวเวอเรีย บัสเซียน่า เพื่อควบคุม อัตรา 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นช่วงเวลาเย็นหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
ควรใช้ บิว-เวอร์ ร่วมกับ เบนดิกซ์ จะทำให้มีประสิทธิภาพในการควบคุมตัวอ่อนเพลี้ยหอยได้ดีขึ้น
การขาดธาตุอาหารในพืช
- ควรตรวจวิเคราะห์ดิน ในแปลงปลูกในไม้ผลควรส่งตรวจอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี
- ควรปรับค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชอยู่ในช่วง 0 – 6.8
ใช้จัสเตอร์ ฉีดพ่นลงดินอัตราการใช้น้ำ 80-100 ลิตร/ไร่
pH ต่ำกว่า 4.5 15 ลิตร/ไร่
pH 4.5-5.5 10 ลิตร/ไร่
pH 5.6-9.5 5 ลิตร/ไร่
หากไม่ทราบค่า pH แนะนำใช้จัสเตอร์ในอัตรา 5 ลิตร/ไร่ (ไม่ควรผสมกับสารกำจัดวัชพืชหากมีการใช้
สารกำจัดวัชพืช ควรเว้นระยะเวลา 2 สัปดาห์
- เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหารรองในพืช ควรฉีดพ่นปุ๋ยเคมี ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม โปรมิกซ์ อัตรา 30 กรัม/น้ำ 20 ลิตรทุก 7-10 วัน หรือ ทีเอบี ซิงค์ อัตรา 5-10 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ทุก 7-10 วัน
เรียบเรียง : ปรางค์นัดดา ประกอบนา
17 มิถุนายน 2567
ผู้ชม 3264 ครั้ง