บิว-เวอร์ป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้งบนท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง

หมวดหมู่: บทความชีวภัณฑ์

การใช้บิว-เวอร์ (เชื้อราบิวเวอร์เรีย บัสเซียน่า) เพื่อป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้งบนท่อนพันธุ์มันสำปะหลั

มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งที่เกษตรกรนิยมปลูกกันเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องประสบปัญหาแมลงศัตรูเข้าทำลายจนผลผลิตเสียหาย โดยแมลงศัตรูที่สร้างความเสียหายได้ตั้งแต่เริ่มปลูกนั่นก็คือเพลี้ยแป้งนั่นเอง

ชนิดของเพลี้ยแป้งสำปะหลัง

เป็นแมลงปากดูด ลำตัวมีขนาดเล็ก อ่อนนุ่ม มีไขแป้ง ปกคลุมลำตัว มีเส้นแป้งอยู่รอบลำตัว ที่พบระบาดในมันสำปะหลัง ปัจจุบันพบแล้วอย่างน้อย 4 ชนิด ได้แก่

  1. เพลี้ยแป้งลาย พบระบาดทั่วไปแต่ยังไม่เคยสร้างปัญหารุนแรงต่อผลผลิตมันสำปะหลัง ลักษณะที่สำคัญที่มองเห็นได้ชัดเจนคือ ตัวเต็มวัยเพศเมียค่อนข้างยาวรี มีเส้นแป้งยาว 1 คู่ ทางส่วนท้าย หากแป้งด้านหลังหลุดออกจะมองเห็นจุดสีเข้ม 2 แถบ ทางด้านหลัง
  2. เพลี้ยแป้งแจ็กเบียดส์เล่ย์ หรือเพลี้ยแป้งสีเทา คล้ายกับชนิดแรก ต่างกันที่ด้านข้างมีเส้นแป้งจำนวนมากรอบลำตัว
  3. เพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีเขียว ตัวเต็มวัยเพศเมียคล้ายรูปไข่ มีสีเขียวอ่อนแตกต่างจาก 2 ชนิดแรก คือ มีเส้นแป้งด้านข้างสั้นและด้านหลังมีแป้งปกคลุมน้อย
  4. เพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพู ซึ่งเป็นเพลี้ยที่ทำความเสียหายให้กับมันสำปะหลังอย่างรุนแรง ตัวเต็มวัยเพศเมียคล้ายรูปไข่ มีสีชมพูรูปร่างคล้ายชนิดที่ 3 แต่แตกต่างกันที่มีสีชมพู และแตกต่างจาก 2 ชนิดแรก คือมีเส้นแป้งด้านข้างสั้นและด้านหลังมีแป้งปกคลุมเล็กน้อย

การเข้าทำลายของเพลี้ยแป้งในมันสำปะหลัง

เพลี้ยแป้งทำความเสียหายต่อมันสำปะหลัง โดยการดูดกินน้ำเลี้ยงตามส่วนต่างๆ เช่น ใบ ยอด และตา ส่วนของต้น  ที่ยังอ่อนอยู่ยอดที่ถูกทำลายจะงอหงิกเป็นพุ่ม ลำต้นจะบิดเบี้ยวมีช่วงข้อถี่ทำให้มีผลต่อคุณภาพ ท่อนพันธุ์หัวมีขนาดเล็กเปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ หากการระบาดรุนแรงยอดจะแห้งตาย ถ้ามีระบาดในช่วงที่มันสำปะหลังอายุน้อยอาจทำให้ต้นมันสำปะหลังตายหรือไม่สามารถสร้างหัวได้ เพลี้ยแป้งจะระบาดรุนแรงในฤดูแล้งมากกว่าในฤดูฝนโดยเฉพาะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน แปลงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงความเสียหายเกิดขึ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

วิธีการป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้ง

  • แช่ท่อนพันธุ์ด้วยบิว-เวอร์ (เชื้อราบิวเวอร์เรีย บัสเซียน่า) อัตรา 100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมเบนดิกซ์ (สารจับใบ) 5 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร โดยนำท่อนพันธุ์มาแช่ในน้ำ จนท่วมท่อนพันธุ์ทั้งหมด เป็นเวลานาน 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำท่อนพันธุ์มาผึ่งให้แห้งแล้วสามารถนำไปปักในแปลงปลูกได้
  • ใช้บิว-เวอร์ (เชื้อราบิวเวอร์เรีย บัสเซียน่า) อัตรา 100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมเบนดิกซ์ (สารจับใบ) 5 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมน้ำฉีดพ่นให้ทั่วแปลง โดยจะต้องฉีดในช่วงเย็นที่อากาศไม่ร้อนมากและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศไม่ต่ำกว่า 60% โดยฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 10 วัน
  • ถ้าพบการระบาดในอายุมากกว่า 8 เดือน ควรเก็บผลผลิต ตัดต้นทิ้งนำไปเผาทำลายนอกแปลง ทำความสะอาดแปลง ปลูกพืชอื่น เช่น ข้าวโพด อ้อย ข้าวฟ่าง ทานตะวัน พืชตระกูลถั่ว
  • ใช้ศัตรูธรรมชาติควบคุมเพลี้ยแป้ง เช่น แมลงช้างปีกใส ด้วงเต่า แตนเบียน Anagyrus lopezi
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีโดยไม่จำเป็น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไม่ให้ตัวห้ำ และตัวเบียนที่เป็นศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังถูกทำลาย

 

เรียบเรียงโดย : ปรางค์นัดดา ประกอบนา

อ้างอิง

โอภาษ บุญเส็ง. 2552. เพลี้ยแป้ ง มหันตภัยต่อมันสำปะหลัง. (ระบบออนไลน์). แหล่งข้ อมูลhttp://thaitapiocastarch.org/article20_th.asp

Parsa, S., T. Kondo and  A. Winotai. 2012. The cassava mealybug (Phenacoccus manihoti) in Asia: first records, potential distribution, and an Identification Key. PLoS ONE. 7(10): e47675.

 

23 พฤษภาคม 2567

ผู้ชม 344 ครั้ง

Engine by shopup.com