รู้จัก ไตรโคเดอร์มา เชื้อรากำจัดโรคพืช
รู้จัก ไตรโคเดอร์มา เชื้อรากำจัดโรคพืช
รู้จัก ไตรโคเดอร์มา เชื้อรากำจัดโรคพืช
ในขณะนี้เกษตรกรประสบปัญหาโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราทางดิน (Soil borne diseases) โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ที่เกิดจากเชื้อรา Phytophthora และโรคเหี่ยวเหลือง ที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium การจัดการโรคค่อนข้างยากในสภาพแปลง เนื่องจากเชื้อสาเหตุโรคมีความสามารถในการอยู่รอดในดินได้ดี การใช้สารเคมีต้นทุนสูง ดังนั้นการจะกำจัดโรคให้ได้ผลจึงจำเป็นต้องใช้หลายวิธีการร่วมกัน เชื้อราไตรโคเดอร์มา ถือว่าเป็นแนวทางการป้องกันก่อนการเกิดโรค ที่ดีมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และยังมีความปลอดภัยสูง
เชื้อไตรโคเดอร์มา (Trichoderma) เป็นเชื้อราที่พบในดิน และบนซากพืชทั่วไป มีความสามารถแข่งขันกับเชื้อจุลินทรีย์ และเชื้อสาเหตุโรคพืชทางดินได้ดี โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ผ่านการวิจัยและคัดเลือกจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา แอสเพอร์เรียลลัม สายพันธุ์ เอ็นเอสที-009 จากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายกับกรมวิชาการเกษตร ชื่อการค้า ไตร-แท็บ จากงานวิจัยพบมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุม โรคของพืชเศรษฐกิจหลายชนิด โดยเฉพาะใช้ในการป้องกันกำจัดโรคพืชที่เกิดที่เชื้อราทางดิน (Soil borne diseases) และยังช่วยช่วยชักนำให้พืชต้านทานโรค ส่งเสริมการเจริญเติบโตพืช
รูป A ลักษณะเชื้อราไตรโคเดอร์มา แอสเพอร์เรียลลัมสายพันธุ์ เอ็นเอสที-009 บนอาหารเลี้ยงเชื้อ
รูป B ลักษณะเส้นเส้นใยและสปอร์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอล (Scanning Electron Microscope
โดยมีกลไกที่มีผลต่อเชื้อโรคและพืชดังนี้
1.การแข่งขัน (Competition) ในการแย่งพื้นที่และอาหาร กับเชื้อสาเหตุโรคพืช
2.การเป็นปรสิต (parasitism) กับเชื้อโรคพืชในการพัดรัดและย่อยผนังเส้นใยของเชื้อโรค
3.การสร้างสารปฏิชีวนะ และสารทุติยภูมิ (Antibiotics and secondary metabolites production) การสร้างสารปฏิชีวนะหรือสารทุติยภูมิได้หลายชนิด ที่ไปยับยั้งในการเจริญเส้นใยของเชื้อสาเหตุโรค ทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญและ เพิ่มปริมาณต่อไปได้
4. ส่งเสริมการเจริญเติบโต และ การชักนำให้พืชต้านทานโรค (Induced disease resistance) สามารถครอบครองรากจะเจริญบนรากพืชปลดปล่อยสารกระตุ้นได้หลายชนิด ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของยีน ที่ชักให้พืชต้านทานต่อเชื้อโรค และช่วยในการเจริญเติบโต
5.การละลายฟอสเฟตในดิน (Phosphate solubilizing ) ด้วยการสร้างกรดอินทรีย์ และฮอร์โมนพืชบางชนิดทำให้ละลายธาตุฟอสฟอรัสและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับพืช ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยในพืช
โรครากเน่าโคนเน่า ทุเรียน ( Root and stem rot)
สาเหตุเกิดจาก เชื้อราไฟทอปธอรา พาล์มิโวรา (Phytophthora palmivora ) เป็นเชื้อมีขนาดเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ในดิน เชื้อจะสามารถสร้างสปอร์มีผนังหนา (chlamydospores) ที่ทนสภาพแวดล้อมได้ดี มีชีวิตอยู่ในดินได้นานภายใต้สภาวะที่ไม่เหมาะ
ลักษณะอาการโรค เริ่มแรกจะเห็นใบที่ปลายกิ่งมีสีซีดไม่เป็นมันเงา เหี่ยวลู่ลง เมื่อ อาการรุนแรงมากขึ้นใบจะเหลืองและหลุดร่วง หากขุดดูราก จะพบรากฝอยมีลักษณะเปลือกล่อน และเปื่อยยุ่ยเป็นสีน้ำตาล เมื่อโรครุนแรงอาการเน่าจะลามไปยังรากแขนงและโคนต้น ทำให้ต้นทุเรียนโทรมและยืนต้นตาย
การแพร่กระจายของโรค
สภาพที่เหมาะสมต่อการการแพร่กระจายของโรค น้ำและชื้นหรือมีน้ำในดิน เชื้อที่พักตัวในดินจะงอกสร้างสปอร์ที่มีหางคล้ายแส้ (zoospores) ช่วยทำให้เคลื่อนย้ายไปกับน้ำเร็ว เข้าสู่ต้นพืชได้ง่าย
การป้องกำจัดโรครากเน่าโคนเน่า
- 1. เน้นการใช้เพื่อป้องกันก่อนการเกิดโรค
- ปรับสภาพแปลงปลูกให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชที่ปลูกและเชื้อราไตรโคเดอร์มา
ให้มีค่าความเป็นกรด-ด่าง ของดิน pH 5.5-6.5
- ใช้ไตร-แท็บ รองก้นหลุมก่อนปลูก หว่านโคนต้น
อัตราไตร- แท๊บ 1 กิโลกรัมผสม ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก 50 - 100 กิโลกรัม รองก้นหลุมก่อนปลูก
อัตรา 250-500 กรัมต่อหลุม หว่านโคนต้น อัตรา 50-100 กรัม/ตารางเมตร
- ฉีดพ่นลงดิน หรือปล่อยระบบน้ำ อัตรา ไตร-แท๊บ 100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ทุกๆ 5-7 วัน
- ในกรณีต้นเป็นโรคแล้วใช้ชีวภัณฑ์ ใช้ไตร-แท๊บ ร่วม แบคทีเรีย บาซิลัส ซับทิลิส (เจน- แบค)
อัตรา 100+100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือใช้ชีวภัณฑ์ผสมร่วมกับสารเคมีในกลุ่มที่ใช้ควบคุมเชื้อรา Phytophthora ตามอัตราแนะนำ
ข้อมูลอ้างอิง
- จิระเดช แจ่มสว่าง. 2563. ไตรโคเดอร์มาเชื้อราปฎิปักษ์ควบคุมโรคพืช. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
นครปฐม หน้า 566
- ประเสริฐ บ., พลอยบัว ส. และ บุญญฤทธิ์ ฉ. (2556) การศึกษาเชื้อไตรโคเดอร์ม่าในการควบคุมโรคราเน่าโคนเน่าทุเรียน วารสารสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ 4(1), 37-43.
- วิชัยพัฒน์ ด., จีนัง เ. และ วิเชียร ส. (2556) การใช้เชื้อไตรโคเดอร์มาสำหรับควบคุมโรคราเน่า-โคนเน่าทุเรียน ในเขตร้อนชื้นภาคใต้ วารสารพืชศาสตร์ 60(1), 1-7
17 มิถุนายน 2567
ผู้ชม 754 ครั้ง